ทฤษฎีแกล้งดิน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จ
ฯ ไปทรงเยี่ยมราษฎรในเขตจังหวัดนราธิวาสในปี พ.ศ. 2524 ทรงพบว่าหลังจากมีการชักน้ำออกจากพื้นที่พรุเพื่อจะได้มีพื้นที่ใช้ทำการเกษตรและเป็นการบรรเทาอุทกภัยนั้น
ปรากฎว่าดินในพื้นที่พรุแปรสภาพเป็นดินเปรี้ยวจัด
เพื่อศึกษาการเปลี่ยนแปลงความเป็นกรดของดิน
เริ่มจากวิธีการ “แกล้งดินให้เปรี้ยว” ด้วยการทำให้ดินแห้งและเปียกสลับกันไป
เพื่อเร่งปฏิกิริยาทางเคมีของดิน
ซึ่งจะไปกระตุ้นให้สารไพไรท์ทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศ
ปลดปล่อยกรดกำมะถันออกมา ทำให้ดินเป็นกรดจัดจนถึงขั้น “แกล้งดินให้เปรี้ยวสุดขีด”
จนกระทั่งถึงจุดที่พืชไม่สามารถเจริญงอกงามได้
จากนั้นจึงหาวิธีการปรับปรุงดินดังกล่าวให้สามารถปลูกพืชได้ วิธีการแก้ไขปัญหาดินเปรี้ยวจัดตามแนวพระราชดำริ
มีดังนี้
1 ควบคุมระดับน้ำใต้ดิน
เพื่อป้องกันการเกิดกรดกำมะถัน
จึงต้องควบคุมน้ำใต้ดินให้อยู่เหนือชั้นดินเลนที่มีสารไพไรท์อยู่
เพื่อมิให้สารไพไรท์ทำปฏิกิริยากับออกซิเจนหรือถูกออกซิไดซ์
2 การปรับปรุงดิน
มี 3 วิธีการ ตามสภาพของดินและความเหมาะสม คือ
·
ใช้น้ำชะล้างความเป็นกรด
เมื่อล้างดินเปรี้ยวให้คลายลงแล้วดินจะมีค่า pH เพิ่มขึ้นอีกทั้งสารละลายเหล็กและอลูมินั่มที่เป็นพิษเจือจางลงจนทำให้พืชสามารถเจริญเติบโตได้ดี
โดยเฉพาะถ้าหากใช้ปุ๋ยไนโตรเจนและฟอสเฟตก็สามารถให้ผลผลิตได้
·
การใช้ปูนผสมคลุกเคล้ากับหน้าดิน เช่น ปูนมาร์ล/ ปูนฝุ่น
ปริมาณของปูนที่ใช้ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของความเป็นกรดของดิน
·
การใช้ปูนควบคู่ไปกับการใช้น้ำชะล้างและควบคุมระดับน้ำใต้ดิน
เป็นวิธีการที่สมบูรณ์ที่สุดและใช้ได้ผลมากในพื้นที่ซึ่งดินเป็นกรดจัดรุนแรง
และถูกปล่อยทิ้งเป็นเวลานาน
3 การปรับสภาพพื้นที่
มีอยู่ 2 วิธี คือการปรับระดับผิวหน้าดิน ด้วยวิธีการ คือ
- ปรับระดับผิวหน้าดินให้มีความลาดเอียง
เพื่อให้น้ำไหลไปสู่คลองระบายน้ำ
ตกแต่งแปลงนาและคันนาใหม่
เพื่อให้เก็บกักน้ำและระบายน้ำออกไปได้
- การยกร่องปลูกพืช สำหรับพืชไร่
พืชผัก ไม้ผล หรือไม้ยืนต้นที่ให้ผลตอบแทนสูง
ถ้าให้ได้ผลต้องมีแหล่งน้ำชลประทานเพื่อขังและถ่ายเทน้ำได้เมื่อน้ำในร่องเป็นกรดจัด
การยกร่องปลูกพืชยืนต้นหรือไม้ผล ต้องคำนึงถึงการเกิดน้ำท่วมในพื้นที่นั้น
หากมีโอกาสเสี่ยงสูงก็ไม่ควรทำ หรืออาจยกร่องแบบเตี้ย ๆ
พืชที่ปลูกเปลี่ยนเป็นพืชล้มลุกหรือพืชผัก
และควรปลูกเป็นพืชหมุนเวียนกับข้าวได้
ตกแต่งแปลงนาและคันนาใหม่ เพื่อให้เก็บกักน้ำและระบายน้ำออกไปได้
·
อย่างไรก็ตาม ” โครงการแกล้งดิน ” มิได้หยุดลงเฉพาะที่ใดที่หนึ่ง แต่จะต้องดำเนินการต่อไป “…งานปรับปรุงดินเปรี้ยวควรดำเนินการต่อไป ทั้งในแง่การศึกษาทดลองและการขยายผล…”
ซึ่งปัจจุบันได้นำผลการศึกษาทดลอง
ไปขยายผลแก่ราษฎรในเขตจังหวัดนราธิวาส และจังหวัดอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ขณะนี้จะมีการนำผลของการ “แกล้งดิน” นำไปใช้ในพื้นที่จังหวัดนครนายก
และจังหวัดนครศรีธรรมราชอีกด้วย ดังนั้น ” โครงการแกล้งดิน
” จึงเป็นโครงการที่ก่อให้เกิดประโยชน์กับราษฎรทั่ว
ทั้งประเทศ สร้างความปลื้มปิติ แก่เหล่าพสกนิกรเป็นล้นพ้นที่พระ
บาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงยอมตรากตรำพระวรกายลงมา “แกล้งดิน”
เพื่อให้พสกนิกรของพระองค์ พ้นจากความยากจนกลับ
มาเบิกบานแจ่มใสกันทั่วหน้า
จัดทำโดย
นางสาวณัฐฐ อ่อนคำ
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ห้อง 4
ภาคเรียนที่2 ปีการศึกษา 2560
|